เครื่องดื่มโกโก้ถั่งเช่าเจ้าแรกในไทย ใช้ครีมเทียมจากมะพร้าว แคลอรี่ต่ำเพียง 70 แคลเท่านั้น รสชาติอร่อย ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น อยู่ท้อง ได้คุณค่าจากส่วนประกอบ ใช้ซูคราโลสให้ความหวานแทนน้ำตาล

 ส่วนประกอบสำคัญ

ครีมเทียมจากมะพร้าว	8171      mg
ผงโกโก้	4000    mg
ผงถั่งเช่า	600      mg
ผงเห็ดชิตาเกะ	50        mg
สารสกัดจากเห็ดหลินจือ	20        mg
วิตามิน พรีมิกซ์	30        mg
ซูคราโลส

คุณสมบัติของส่วนประกอบ

• มีสารต้านอนุมูลอิสระ
  โกโก้อุดมไปด้วยโพลีฟีนอล (Pholyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดความดันโลหิต และยังช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเส้นเลือด แต่กระบวนการในการแปรรูปเป็นช็อคโกแลตหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็อาจจะทำให้โพลีฟีนอล (Pholyphenols) ลดลงได้นะ อย่างที่ยำไปว่าควรเลือกกินโกโก้ 100%
• ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ/เบาหวาน
  ในโกโก้มีฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มไนตริกออกไซด์ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอลร้าย (LDL) จึงช่วยให้หัวใจมีสุขภาพที่ดี ลดโอกาสเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์อัมพาต นอกจากนี้ฟลาโวนอยด์ ในโกโก้จะช่วยชะลอการย่อยและการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตในลำไส้ โดยจะไปกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ที่เป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
• บำรุงสมอง
  ฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยการทำงานของระบบประสาทและสมอง เช่น ความจำ ความคิด การตัดสินใจ การรับรู้ และสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้ด้วย
• ช่วยให้อารมณ์ดี
  จากการศึกษาหลายการศึกษาพบว่า การกินโกโก้ส่งผลดีต่ออารมณ์ และภาวะซึมเศร้า ช่วยลดความเครียด และรทำให้ผ่อนคลาย คาดว่าในโกโก้อาจจะมีสารที่ไปกระตุ้นให้สมองหลั่ง สารโดปามีน และสารเซโรโทนิน (สารแห่งความสุข) จึงทำให้คนเรามีอารมณ์ดีและมีความสุขหลังได้ดื่มหรือกิน
• เร่งการเผาผลาญ
  สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักไม่ต้องกังวล เพราะในโกโก้มี สารโพลีฟีนอล ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด เร่งการเผาผลาญในร่างกาย
• ดีต่อสุขภาพผิวและฟัน
  จากงานวิจัยในวารสารโภชนาการของยุโรปพบว่า การกินหรือดื่มโกโก้เป็นเวลานาน 12 สัปดาห์ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น 25% และโกโก้ยังดีต่อสุขภาพฟัน สามารถช่วยป้องกันแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุได้ด้วย
• ช่วยรักษาโรคหอบหืด
  จากการทดลองกับสัตว์พบว่า โกโก้สามารถช่วยรักษาอาหารหืดหอบได้ ช่วยขยายทางเดินหายใจ และลดการหนาตัวของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้กับมนุษย์
  
  

• ช่วยต้านมะเร็ง เนื่องจากในถั่งเช่าทิเบตมีสารจำพวกนิวคลีโอไซด์ อย่าง อะดีโนซีน กัวโนซีน และคอดีซีปิน สารเหล่านี้สามารถช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ สารกลุ่มคอร์ดิเซ็ป สเตอรอล สารกลุ่มโพลีแซ็คคาไรด์ที่ช่วยเรื่องเนื้องอกก็มี ส่งผลให้ช่วยต้านมะเร็งได้ ถือเป็นตัวช่วยในการรับมือกับมะเร็งอีกทางหนึ่ง
• ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สำหรับคนที่ป่วยบ่อย หรือภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ก็ผู้สูงอายุ เพราะนอกจากสารจำพวกนิวคลีโอไซน์จะช่วยต้านมะเร็งได้แล้ว จากการวิจัยยังพบว่าถั่งเช่าทิเบตช่วยลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ จึงกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
• ลดระดับน้ำตาลในเลือด ในการวิจัยในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานเมื่อให้ผู้ป่วยทานถั่งเช่าอย่างสม่ำเสมอ ผลปรากฏว่าถั่งเช่าสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมากถึงร้อยละ 95 เทียบกับผู้ป่วยที่ทานยาตามปกติแล้วถือว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แนะนำว่าให้ระวังเรื่องของปริมาณให้ดีเพราะถ้าทานมากไปอาจจะกลายเป็นว่าน้ำตาลในเลือดต่ำเกินเกณฑ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
• ช่วยลดไขมันในเลือด เนื่องด้วยสารในกลุ่มคอร์ดิเซ็ป สเตอรอล ที่มีอยู่ในถั่งเช่าทิเบตจะช่วยให้ร่างกายของเราดูดซึมไขมันคลอเลสเตอรอลน้อยลง พอดูดซึมคลอเลสเตอรอลมาน้อยไขมันในเลือดก็ลดลงไปด้วย
• เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ถั่งเช่าทิเบตคือสมุนไพรที่สามารถช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ และมีสเปิร์มที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลช่วยให้คุณผู้หญิงมีความต้องการทางเพศเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
• ซ่อมแซมไต บำรุงไตให้ดียิ่งขึ้น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต มีการวิจัยยืนยัน ผลที่ได้คือระบบการทำงานของไตในผู้ป่วยที่เป็นมีภาวะไตวายเรื้อรังนั้นทำงานดีมากยิ่งขึ้น
• บำรุงปอด หัวใจ ตับ และเลือ
  
  

3. เห็ดหลินจือ : มีสารอาหารที่อาจส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย จำพวกเส้นใยต่าง ๆ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ อย่างสเตียรอยด์ (Steroids) เทอร์ปีนอยด์ (Terpenoids) ฟีนอล (Phenols) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลโคโปรตีน (Glycoproteins) พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารอนุพันธ์อื่น ๆ โดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine)

4.เห็ดชิตาเกะ : เห็ดชิตาเกะอุดมไปด้วยวิตามินบีรวม เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 12 วิตามินดี และ กรดแพนโททีนิค (Pantothenic) นอกจากนี้แล้วยังมีโปรตีน เอนไซม์ กรดอะมิโนที่จำเป็นอีก 8 ชนิด และสารเลนทิแนน (Lentinan) ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน ให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ยับยั้งหรือป้องกันการเติบโตของเซลล์ นับว่าเป็นเห็ดทางการแพทย์ที่มีคุณค่าต่อทางโภชนาการมาก

5.วิตามิน พรีมิกซ์ : ช่วยบำรุงประสาททำให้ระบบประสาทแข็งแรง บรรเทาอาการหงุดหงิด ลดความเครียด ช่วยผ่อนคลาย ให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า